เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๒ เม.ย. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรม ฟังธรรมเพื่อให้เราฉลาด ไม่ให้เราโง่เขลาแบบเขา ความโง่เขลาแบบนั้น ประเพณีวัฒนธรรมมันเป็นวันสงกรานต์ เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย วันขึ้นปีใหม่ของไทย วันขึ้นปีใหม่ของไทยเขากลับบ้าน กลับไปเพื่อความกตัญญูกตเวที เพื่อความอบอุ่นในครอบครัว ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วนะ เขาก็เอากระดูกอัฐิไปวัดไปวา ไปบังสุกุล

 

บังสุกุลคือทำบุญให้ ทำบุญให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรา ถ้าทำบุญให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรา ทำบุญเพื่ออะไรล่ะ บุญกุศลทุกคนต้องปรารถนาใช่ไหม บุญคือความสุขไง คนเราเกิดมามีสมบัติที่เป็นของเราแท้จริงคือบุญและบาป เวลาบุญและบาป สิ่งที่เป็นผู้ที่เขาเป็นผู้ใหญ่ ผู้ปกครองบ้านเมือง เขามีวันหยุดราชการ เขามีวันหยุดให้เราให้ไปทำคุณงามความดีกัน ให้ไปทำคุณงามความดีกันนะ มันเป็นมงคลชีวิต เป็นมงคงชีวิตไง

 

แต่ถ้าเป็นมงคลชีวิต เราก็ว่าเป็นความดีๆ ของเรา ความดีของเรามันก็เป็นความดีแบบตรายาง ปั๊มว่าเป็นความดีก็ต้องเป็นความดีไง พอความดีไปแล้วมันก็มาเกิดความเห่อเหิมทะเยอทะยานไง มีแต่ความเล่นสนุก กินเหล้าเมายามีการมึนเมา แล้วก็ไปประสบอุบัติเหตุไง ไหนว่ามันเป็นมงคลๆ ล่ะ เป็นมงคลมันต้องให้สิ่งที่ความดีงามขึ้นมาสิ เป็นมงคลให้แต่ความโศกความเศร้าไง เวลาความพลัดพราก ความพรากจากกัน รับไม่ได้ๆ รับไม่ได้ก็เพราะเอ็งไม่รู้จัก ไม่มีสติปัญญาไง ถ้ารับไม่ได้ เอ็งก็ต้องมีสติปัญญา ความเป็นมงคล มงคลมันก็ต้องมีสติ มงคลก็ต้องมีสติปัญญารักษาคุณงามความดีของเราไง เขาให้ทำดีๆ เขาไม่ให้ขาดสติ ไม่ให้เล่นกันจนมีการพลั้งเผลอไป เขาให้ทำความดีทั้งนั้นน่ะ นี่พูดถึงความดีๆ ไง

 

เวลาคนเขาทำบุญกุศลกัน เขาบอกทำความดีๆ ไง แต่เขาบอกให้ละชั่ว ละชั่วถึงทำความดี ถ้าเราไม่ละชั่ว มันก็เอาความชั่วนั่นน่ะไปทำดีๆ ไง คนเราก็เอาเงินไปจ้างเขาทำร้ายทำลายกันนั่นน่ะ นั่นน่ะความดีอย่างนั้นหรือ

 

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร เขาจะมีเวรมีกรรมมาขนาดไหน เรามีสติปัญญา เราก็ระงับเวรของเรา ให้อภัยเขาไป ยิ่งให้อภัยเขาไป เวรกรรมมันยิ่งหนักหนาสาหัสสากรรจ์เข้าไปไง เพราะอะไร เพราะเราไม่ตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอะไร เพราะเราเป็นคนฉลาดไง เราไม่หาเวรหากรรมใส่ตัวเราทั้งสิ้น แต่เวรกรรมมันมีมา คนเราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ชีวิตนี้ทำคุณงามความดีภพชาติใดก็ไม่รู้ เราทำมา

 

มีคนเยอะแยะมากมารำพันว่า จิตใจคิดไม่ดีๆ ทั้งๆ ที่เกิดในชาติปัจจุบันนี้ก็เป็นคนดี เป็นคนดีสร้างแต่คุณงามความดีไง ถ้าสร้างคุณงามความดีขึ้นมามันมีความโต้แย้งในใจ โต้แย้งในใจตลอด เราเป็นคนโง่ เราเป็นคนโง่เขลา เราเป็นคนเบาปัญญา คนอื่นเขามีแต่คนที่ฉลาดทั้งนั้นน่ะ นี่ไง เวลามันเกิด นี่มันเกิดมาจากไหนล่ะ ใครยัดเยียดให้มาในหัวใจของเราล่ะ มันเป็นการกระทำทั้งนั้นน่ะ เวลาการกระทำ ใครเป็นคนทำ มโนกรรมๆ จิตเป็นคนทำ จิตเป็นคนทำดีทำชั่วมากน้อยแค่ไหน ผลที่ได้รับก็คือหัวใจของเรา คือจิตตัวนั้นเป็นพื้นฐานนั่นน่ะ แต่ไอ้เจตนาทำดีทำชั่วนั่นน่ะมันเกิดจากบุญและบาปออกไป ทำแล้วมันก็ตกลงในหัวใจเราใช่ไหม ถ้าตกลงในหัวใจเรา ดีเอ็นเอ พันธุกรรมของจิตๆ

 

เวลาพันธุกรรมของจิตขึ้นมามันก็คิดดีคิดชั่วขึ้นมา ก็คิดออกมาจากหัวใจนั่นน่ะ เพราะมันมีอวิชชา แล้วทำอย่างไรล่ะ จะแก้อย่างไรล่ะ ทั้งๆ ที่เกิดมาในชาติปัจจุบันนี้มีสติมีปัญญา เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนให้ทำคุณงามความดีๆ ไง แล้วสิ่งใดที่เป็นบาปอกุศล สิ่งใดที่เป็นความชั่วช้า เราพยายามระงับๆๆ ของเราไง แล้วถ้าระงับของเรา ถ้าเป็นทางโลก เสียศักดิ์ศรี ไม่เท่าทันโลก

 

ถ้ามีสติปัญญา มันยับยั้งของมันได้ ยับยั้งมันเจ็บปวดนะ มันครุ่นคิดอยู่ในใจ มันกลืนเลือด มันเจ็บอยู่ลึกๆ นี่ไง พูดถึงกรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน กรรมมันจำแนกทั้งนั้นน่ะ แล้วมันจำแนกมาจากนั่น แต่เพราะเรามีสติมีปัญญาของเรา เราถึงยับยั้งมันได้ ถ้ายับยั้งมันได้ เราสร้างแต่คุณงามความดีๆ แล้วให้อภัยๆ มันจะบางไปๆ จางไปๆ จางไปจนหายได้

 

ฉะนั้น คนที่ทำดี เขาให้ละชั่วแล้วทำดี ทำไมเราต้องมีศีลล่ะ ทำไมเราต้องถือศีลล่ะ เพราะเราถือศีล ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ เพราะมีศีล มีศีลขึ้นมา ทำความสงบของใจเข้ามาก็เป็นสัมมาสมาธิ ถ้ามันทุศีล มันทุศีลนะ คนที่จิตใจเข้มแข็งเขาทุศีลเขาก็ทำสมาธิของเขาได้นะ ถ้าทำสมาธิได้มันก็เป็นมิจฉา ดูสิ คนทำคุณไสย คนทำสิ่งต่างๆ นั่นน่ะมันเป็นมิจฉาทั้งนั้นน่ะ

 

สมาธิ สมาธิมันมีมิจฉาและสัมมา ถ้ามิจฉา มิจฉาคือความผิดพลาด คือความไม่ดีงาม เพราะอะไร เพราะไม่ละชั่ว ละชั่วๆ ละชั่วแล้วเอาอะไรมาละล่ะ มันก็มีศีลมีธรรมมาเป็นเครื่องหมาย เห็นไหม ศีล ๕ ศีล ๑๐ ปาณาติปาตา ไม่ทำร้ายนะ

 

เขาฆ่าสัตว์ๆ ไง แต่กรรมฐานเรานะ ไม่ทำให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจทั้งสิ้น การทำลาย ทำลายทั้งนั้นน่ะ ของของใครก็แล้วแต่ที่ตกอยู่ มีเจ้าของ เราไม่หยิบ ถ้าหยิบแล้วเอาไปคืนเขา ไม่ผิดลูกเมียใคร ถ้าไม่โกหกมดเท็จ ไม่ดื่มน้ำเมา แล้วรักษาหัวใจของเราๆ ถ้าหัวใจของเราถ้ามันสงบระงับเข้ามามันก็เป็นสัมมา

 

นี่ไง ละชั่วแล้วค่อยทำดี ไม่ใช่ชั่วช้าลามกแล้วก็ทำดี ทำดีมันก็สะสมไปนั่นไง นี่ไง ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าทำความสงบของใจไม่ได้ ถ้าจิตไม่สงบเข้ามาจะเอาอะไรขึ้นมา อวิชชาทั้งนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นมาไม่ละชั่ว

 

ถ้าละชั่วๆ มันก็ต้องหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ทำความสะอาดของใจให้ได้ ถ้าใจมันสะอาด ระงับขึ้นมา สัมมาสมาธิ แค่สัมมาสมาธินะ คนเรานะ สกปรกโสโครก ได้ทำความสะอาดร่างกายก็รู้สึกว่าชื่นชมแล้ว เราทำหน้าที่การงานสะเปะสะปะมาเต็มที่เลย ทำงานเสร็จแล้วอาบน้ำอาบท่า ทำความสะอาดของใจ ทำความสะอาดแล้วมันก็สะอาดใช่ไหม

 

นี่หัวใจของเรามันคิดมาร้อยแปดพันเก้า สิ่งต่างๆ มันสะสมมาในหัวใจทั้งนั้น แล้วก็ว่าเพราะปล่อยวาง ปล่อยวางใช้ปัญญาๆ...ปัญญาอะไรของมึง สมาธิทำไม่เป็น

 

ปัญญามันเป็นปัญญาได้ มันเป็นปัญญาได้เพราะอะไรรู้ไหม มันเป็นปัญญาได้เพราะสถานะของความเกิดเป็นมนุษย์ การเกิดเป็นมนุษย์ การเกิดเป็นเทวดา การเกิดเป็นพรหม การเกิดในอบายภูมิ การเกิดในนรกอเวจี สถานะของการเกิด ที่มันคิดได้มันตรงนี้ สถานะของการเกิดนะ เกิดเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนา สถานะของความเป็นมนุษย์ จะโง่เง่าเต่าตุ่นขนาดไหนมันก็มีความคิด จะฉลาดปราดเปรื่องขนาดไหนมันก็มีความคิด เพราะมนุษย์เกิดมามีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ ทำไมมันจะคิดไม่ได้ คิดได้ทั้งนั้น

 

แต่เวลาประพฤติปฏิบัติไปแล้ว โลกียปัญญา ปัญญาเกิดจากโลก ปัญญาเกิดจากโลกคือปัญญาความคิดเกิดจากจิต ความคิดเกิดจากเรานี่แหละ นี่โลกียปัญญา ปัญญาอย่างนี้ถ้าการศึกษาก็สุตมยปัญญา ถ้ามีจินตนาการ จินตมยปัญญา แล้วถ้าเกิดภาวนามยปัญญาเป็นอย่างไร ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ละชั่ว ทำสมาธิไม่เป็น ทำความจริงของเราขึ้นมาไม่ได้

 

ถ้าทำความเป็นจริงของเราได้นะ ถ้าทำความสงบของใจ เหมือนกับรู้ตัวตน เรายืนยันสถานะของเรา จะไปไหนต้องเซ็นรับรอง เซ็นเอกสารแสดงตัวตนๆ แล้วมึงไม่ได้เซ็นอะไรเลย ลอยมาจากฟ้าเป็นผุยผงมา แล้วก็จะว่ามีตัวตน ตัวตนอะไร ตัวตนที่ไหน ไม่จริง

 

ถ้าเป็นตัวตน สัมมาสมาธิมันเป็นแบบนี้ ถ้าสัมมาสมาธิเป็นอย่างนี้ การยืนยันตัวตนของตน ถ้าการยืนยันตัวตนของตนขึ้นมาแล้ว ถ้ามันเกิดปัญญาขึ้นมา มันเกิดขึ้นมาจากจิตนั้น ปัญญาเกิดจากจิตๆ ไม่ใช่ปัญญาเกิดจากความคิดไง

 

ถ้าความคิดก็เป็นสัญญาอารมณ์ คำว่า “สัญญาอารมณ์ๆ” แต่ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา จิตสงบระงับแล้ว เวลามันยกขึ้นสู่วิปัสสนาๆ เห็นไหม ละชั่วก่อน ถ้าไม่ละชั่ว เขาบอกทำคุณงามความดีๆ...ก็โปะเข้าไปสิ ไอ้ความชั่วก็อยู่กับความดีนั่นแหละ พลิกไปพลิกมาอยู่นั่นน่ะ แล้วคนอ่อนไหว คนไม่มีหลักการมันเป็นอย่างนั้นน่ะ

 

แต่คนที่เข้มแข็ง เพราะอะไร เพราะหลวงปู่มั่นเวลาท่านประพฤติปฏิบัติไปแล้ว พิจารณากายแล้วก็แล้ว ทำสิ่งใดก็ทำแล้ว เอ๊ะ! ทำไมมันคลายออกมาแล้ว ออกมาเป็นปกติแล้วมันก็เหมือนปกติ มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย มันไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันเลย ท่านถึงมาพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หาครูบาอาจารย์ ไปหาหลวงปู่เสาร์ ครูบาอาจารย์แก้ท่านไม่ได้ ท่านปัญญามาก ต้องแก้ตัวเอง

 

ท่านก็มาระลึกเอง ระลึกได้ว่าตัวท่านเองปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ คือปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าไปข้างหน้า ถ้าปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าไปข้างหน้า ผู้ที่ปรารถนาพระโพธิสัตว์ทำได้สูงที่สุดคือฌานโลกีย์ ได้อภิญญาเท่านั้น จะเข้าสู่อริยมรรคไม่ได้ ถ้าเข้าสู่อริยมรรค มันก็พาด มันก็จะไม่เกิดไม่ตายไปข้างหน้า แล้วจะเป็นพระโพธิสัตว์ จะเป็นพระพุทธเจ้าไปได้อย่างไร

 

ในเมื่อจะเป็นพระพุทธเจ้า เราสะสมมา ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย ความปรารถนาการสร้างสมอันนั้นมา สถานะอันนั้นมันจะส่งเสริมให้ไปเป็นพระพุทธเจ้าไปข้างหน้า แล้วถ้าเกิดเข้าสู่อริยสัจ สิ้นกิเลสไป มันจะไปเกิดอีกได้ไหม มันไม่มีผู้ไปเป็นพระพุทธเจ้าข้างหน้าไง

 

เห็นไหม เพราะท่านปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านถึงได้มาลาพระโพธิสัตว์ของท่าน พอลาพระโพธิสัตว์ของท่าน ทำความสงบของใจเข้ามา ยกขึ้นสู่วิปัสสนาไปเห็น พิจารณากายขึ้นไป พอพิจารณากายไปมันมีรสมีชาติ มีรสมีชาติ รสของภาวนามยปัญญา รสของธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง มีรสมีชาติ มีความรู้สึก มีความมั่นคงในหัวใจ รู้สึกว่าเราได้ละได้วางสิ่งใดไป อู๋ย! มันเป็นชิ้นเป็นอันน่ะ เวลาออกจากการวิปัสสนามา เออ! มาถูกทางแล้วล่ะ นี่ใช่ คนที่เขามีปัญญาเขาทดสอบของเขา ทดสอบของเขาเพราะมันเป็นประโยชน์ของเรานะ

 

จิตนี่นะ เพราะมันมีอวิชชา เพราะมันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เพราะความไม่รู้ ความเผลอ ถึงได้เกิดนี่ เผลอปั๊บ เกิดแล้ว ตายไปไม่มีสิ่งใดควบคุมตัวเอง เกิดแล้ว เกิดในครรภ์ ในไข่ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะ เกิดอยู่นั่นน่ะ

 

ที่ไหนมีการเกิด ที่นั่นมีการตาย ที่ไหนมีการเกิด ที่นั่นมีความทุกข์ ทุกข์ทั้งนั้น แต่เวลาคนเราเกิดมา ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป ทุกข์เจือจางลง มีความสุข โอ๋ย! มีความสุข

 

มีความสุขก็คนเมาไง กินเหล้าเมายาเต็มที่ เออ! มีความสุข ไม่กินอีกแล้วแหละ เลิกเหล้าแน่นอน เดี๋ยวกินอีกแล้ว ความสุขแบบคนเมา ความสุขแบบโลกๆ มันไม่เป็นความจริงหรอก แต่ด้วยวุฒิภาวะของหัวใจที่อ่อนแอ เพราะหัวใจมันไม่มีกำลังขึ้นมา มึนงงไปทั่ว สะเปะสะปะไปร้อยแปด แต่อ้างพระพุทธเจ้านะ อ้างธรรมะ อ้างธรรมะตลอด

 

อ้างธรรมะเพราะอะไร เพราะว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาไง พระพุทธศาสนาเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมอยู่โคนต้นโพธิ์นั่นน่ะ โลกธาตุหวั่นไหว โลกธาตุหวั่นไหวตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิด ตรัสรู้ ปรินิพพาน ปลงอายุสังขาร โลกธาตุหวั่นไหว โลกธาตุนี้ไหวหมดเลย นี่ผู้มีบุญมาเกิด ผู้มีบุญญาธิการได้ชำระล้างอวิชชา พญามารได้สิ้นไปจากใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อัศจรรย์ในใจดวงนั้นนัก มหัศจรรย์นัก มันยิ่งใหญ่นัก

 

แต่พวกเรา “ธรรมะเป็นธรรมชาติ ธรรมะเป็นธรรมดา นอนหลับตื่นขึ้นมาก็เป็นพระอรหันต์ นั่งสมาธิก็ไปก้นติดพื้น ลุกขึ้นมาก็เป็นพระอรหันต์ สะดวกสบาย สะดวกสบาย” ขี้โม้ทั้งนั้นน่ะ โม้เพราะอะไร โม้เพราะมันมีสัจจะ มีคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ยืนยัน

 

แล้วขนาดหลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมา กว่าคนเขาจะเชื่อถือได้ว่ามนุษย์คนหนึ่งนี่หรือประพฤติปฏิบัติจนสิ้นกิเลสได้หรือ มันจะมีมรรคมีผลจริงอยู่หรือ

 

ท่านทำของท่านด้วยอำนาจวาสนาของท่านนะ เกิดในป่า สำเร็จในป่า อยู่ในป่า ตายในป่า ไม่ออกมาสังคมใครทั้งสิ้น หลวงตาท่านชื่นชมมาก เห็นอยู่องค์เดียวที่ถือผ้าบังสุกุลทั้งชีวิต ท่านถือธุดงค์ทั้งชีวิต ถ้าไม่มีแบบอย่างที่จริง ใครมันจะเชื่อ ความเชื่อของโลกคือความเชื่อของโลก แต่ความจริงอันนั้นเป็นความจริงอันนั้น ถ้าเป็นความจริงอันนั้น ถ้าเราจะทำจริงของเรา เราอยากได้ความจริง เราไม่อยากได้ความสำมะเลเทเมา

 

เมาแอ๋เลยนะ “เออ! สิ้นกิเลส สิ้นกิเลส” แล้วก็เป็นอย่างนั้นไปเป็นกระแส แล้วเราก็จะไป “เออ! เราก็จะสิ้นกิเลสด้วย” เอาอย่างนั้นหรือ ไม่มี เราไม่ต้องการสิ้นกิเลส ไม่ต้องการ เราต้องการความจริง ต้องการความจริงจริงๆ เขาจะโง่ เขาจะฉลาด เรื่องของเขา เราเอาความจริงของเรา

 

ถ้าเอาความจริงของเรา มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่สามารถยัดธรรมะให้ในหัวใจของใครทั้งสิ้น ครูบาอาจารย์ไม่สามารถทำให้คนคนนั้นเป็นอริยบุคคลขึ้นมาได้ แต่ครูบาอาจารย์เป็นคนชี้ทางได้ เป็นคนวางกรอบได้ เป็นคนคอยกระตุกได้ เห็นไหม ครูบาอาจารย์สำคัญ สำคัญตรงคอยชี้ คอยแนะ คอยบอก แล้วให้อุบาย การให้อุบายๆ

 

มันไม่เชื่อใครหรอก กิเลสไม่เชื่อใครหรอก ทิฏฐิมานะล้นฝั่ง แล้วอ้างธรรมะพระพุทธเจ้าทั้งนั้น อ้างธรรมะพระพุทธเจ้าไปเพราะเผลอไปอ่านเข้า อ่านเข้า ตัวเองเกิดทิฏฐิมานะว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พยายามจะสร้างภาพให้เป็นอย่างนั้น...ไม่เป็น มันเป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้เป็นของเรา

 

ถ้าเป็นของเรานะ เราไม่เชื่อใครๆ ทั้งสิ้น ไม่เชื่อใครๆ ทั้งสิ้น ในตำราเขียนอย่างนั้นมันยังไม่ชัดเจนเหมือนในใจที่เราเป็นนะ รสชาติของธรรมมันเหนือโลก มันเหนือกว่าทฤษฎีที่ว่ากันอย่างนั้นนะ แล้วมันเป็นที่ไหนล่ะ มันเป็นในหัวใจของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติไง

 

ฉะนั้น การประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม วันนี้จะเป็นประเพณี เป็นวันมงคลให้ครอบครัว ให้สังคมไทยร่มเย็นเป็นสุข ถ้าเป็นมงคลมันก็เป็นมงคลจริงๆ นั่นแหละ แต่พวกเราผู้ที่ได้รับอานิสงส์ ได้เป็นประชากรที่จะกลับไปหาพ่อหาแม่ กลับไปเพื่อความสงบร่มเย็นในสังคมนั่นน่ะ เขาให้เป็นมงคลนะ

 

เราต้องมีสติปัญญา เราต้องมีสติรักษาให้ความมงคลนี้เป็นมงคลตลอดไป อย่าไปประมาทเลินเล่อ ทำให้มันเป็นอุบัติเหตุ ทำให้ไปกระทบกระเทือนคนอื่น เขาจะรีบไป ให้เขาไปก่อน เขาจะรีบไปนะ จิตใจเขาดี เขาอยากจะไปหาพ่อหาแม่เขา ให้เขาไป เปิดทางให้เขา อย่าไปขัดไปแย้งกัน นี่เป็นมงคลชีวิตนะ

 

แล้วในการประพฤติปฏิบัติ ละชั่วๆ ศีลธรรมของเอ็งสมบูรณ์ไหม อย่ากะล่อน อย่าปลิ้นปล้อน อย่าโกหก อย่ามดเท็จ แล้วทำความจริง

 

กะล่อน ปลิ้นปล้อน ผู้ที่โกหกจะทำความชั่วอย่างอื่นยิ่งขึ้นไปกว่านี้ที่ไม่ทำอีกไม่มีเลย ทำได้ทั้งนั้น ถ้าลองเอ็งยังโกหกตัวเอง เอ็งยังไม่แน่ใจกับตัวเอ็งเอง แล้วเอ็งจะไปเอาคุณธรรมมาจากไหน มันไม่เป็นมงคลไง

 

ถ้ามันเป็นมงคลชีวิตนะ ละชั่วทำดี แล้วเวลาจะประพฤติปฏิบัติจริงๆ ขึ้นมา ถ้าทำสมาธิไม่ได้ ยังยืนยันสถานะของตนไม่ได้ ยังไม่รู้จักว่าตัวตนเป็นอย่างไร มรรคผลมันมาจากไหนวะ มรรคผลมันจะมาจากไหน มันก็ลอยอยู่บนอากาศไง มันไม่เป็นของใครไง นี่ไง ธรรมะเป็นธรรมชาติไง เป็นสาธารณะไง มันไม่เป็นของเราไง

 

ถ้าเป็นของเรา เราเกิดมาทุกข์ไง เราก็อยากมีความสุขไง เราเกิดมาทุกข์ไง เราก็อยากจะแก้ทุกข์ของเราไง เพราะเราเกิดมาเจ็บช้ำน้ำใจไง เราก็อยากจะปรารถนาความสุขไง แล้วสุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มีไง สุขอื่นใด สุขที่ไหน ศาสนาไหนสอนความสุข ไม่มีจริงไง

 

ถ้ามันมีจริง มีจริงในพระพุทธศาสนาไง พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานกลางหัวใจของเราไง ความรู้สึกของเราคือพุทธะ พุทธะคือหัวใจเรานี่ ถ้ามันเป็นจริง เป็นจริงที่นี่ ถ้าเป็นมงคล เป็นมงคลอย่างนี้ ทำเพื่อเป็นประโยชน์กับเราไง อย่าไปเมาแอ๋เลยกับกระแสสังคม “จะนิพพานแล้วล่ะ จะสิ้นกิเลสเลย” ไม่เอา เอาจริงๆ

 

เราเกิดเป็นมนุษย์นะ การเกิดนี้แสนยาก เวลาแสดงธรรมะ การเกิดเป็นมนุษย์นี้แสนยาก การเกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ แต่เวลาเกิดมาแล้วเราทุกข์กันน่าดูเลยนะ แต่เฉพาะการเกิดและการตายมันมีเหตุมีผลของมัน พระพุทธศาสนานี้แจ่มแจ้งมาก เกิดเพราะอะไร ทุกข์เพราะอะไร พ้นจากทุกข์เพราะอะไร ตายเพราะอะไร ตายแล้วถ้ามันสิ้นกิเลสแล้วไม่เกิด ถ้ายังมีกิเลสมันไปเกิด เกิดเพราะอะไร เกิดเพราะอวิชชา ชัดเจนมากนะ พระพุทธศาสนานี้สุดยอด ชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่ไอ้พวกเมาธรรมมันเลยทำให้เลอะเลือน แล้วพวกเราก็ไม่มีจุดยืนไง

 

ฉะนั้น เราพยายามมีจุดยืนของเรา นี่เป็นมงคลชีวิต ต้องให้เป็นมงคลชีวิตของเรานะ ให้จิตใจเรามีคุณค่า ให้ชีวิตเรามีคุณค่าขึ้นมา แล้วมีคุณค่าในหัวใจของเรา ไม่ต้องให้ใครมารับรองค้ำประกัน ดีก็คือกูดีนี่แหละ เอวัง